เลขากฤษฎีกา ยัน รัฐบาล.ไม่ได้กู้เงินธกส. แจกดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ สื่อพูดกันเอง ปัดตอบ ใช้แหล่งเงินอื่นได้หรือไม่ โยน กระทรวงการคลังรับผิดชอบในฐานะผู้คิดโครงการ

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์หลังมีการนำเสนอข่าวกรณีรัฐบาลจะกู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นแหล่งเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะทำได้หรือไม่ว่า ในการประชุมของคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต พูดที่มาของแหล่งเงิน   โดยจะใช้งบประมาณปี 67 และปี 68  อีกส่วนหนึ่งคือดําเนินตามมาตรา 28 พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง ซึ่งเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอํานาจหน้าที่ ดังนั้น ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงเรื่องแหล่งกู้เงิน 

ทั้งนี้ เวลาที่จะทำโครงการตามมาตรา 28 จะต้องกำหนดรายละเอียด และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  ขณะนี้ยังไม่มี  จึงไม่แน่ใจว่ากระแสข่าวที่จะกู้เงินจาก ธกส.มาจากไหน ยืนยันว่าในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เป็นการพูดกันเองของสื่อหลังจากมีแถลงข่าว 

ส่วนแหล่งเงินจํานวน 170,000 ล้านบาท จะนำมาจากไหนนั้น  นายปกรณ์ กล่าวว่า เป็นข้อเสนอของฝ่ายเลขานุการของโครงการ คือจะดำเนินการตามมาตรา 28 เพียงแค่นั้น โดยหลักการทำได้ แต่ต้องทำรายละเอียดเพื่อเสนออีกครั้ง อย่างโครงการวัวแสนล้านตัว ที่ต้องเขียนรายละเอียดโครงการให้ชัดเจนมาก่อน จึงจะสามารถดำเนินการได้

นายปกรณ์ยังกล่าวว่าการใช้เงินตามมาตรา 28 กับการใช้เงินธกสเป็นคนละเรื่อง  แต่หากใช้เงินของ ธกส. จะต้องผ่านมติบอร์ดของ ธกส. ซึ่งจะต้องพิจารณาตามกรอบมาตรา 27 และ 28  หากไม่ใช้เงิน ธกส.แล้วเงินจากช่องทางไหนตนไม่ทราบกระทรวงการคลังจะคิดอย่างไรในฐานะผู้คิดโครงการ 

ส่วนการตรวจสอบการใช้เงินตามมาตรา 28 กับเงิน ธกส.ให้ไปถึงมือกลุ่มเกษตรกรจริงๆนั้น  นายปกรณ์ กล่าวว่าเป็นรายละเอียดที่กระทรวงการคลังต้องไปดู ทั้งนี้ ในวันที่มีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้มีการพูดถึงรายละเอียดเลย หารือแค่เฉพาะหลักการ ว่าแหล่งเงินจะมาจากไหน

ขณะที่ทางสหภาพ ธกส.ต้องการให้กฤษฎีกา ชี้แนะความเห็นข้อกฎหมายของ พ.ร.บ.ธกส. นั้นนายปกรณ์ กล่าวว่าจะแยกส่งให้กฤษฎีกาก็ได้  หรือจะส่งพร้อมกับความเห็นของ ครม.ก็ได้ เพราะขั้นตอนการหารือของกฤษฎีกาจะมี 2 แบบ 1.เข้าครม.คณะกรรมการกฤษฎีกาจะให้ความเห็นประกอบ หรือ  2.หารือโดยตรงกับกฤษฎีกา โดยผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่ามีปัญหาประเด็นข้อกฎหมายตรงไหน ซึ่งเป็นไปตามหลักการแก้ไขปัญหา การบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นหากแก้ปัญหาภายในหน่วยงานได้ ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านกฤษฎีกา แต่ถ้าส่งผ่านความเห็น ครม. จะใช้ขั้นตอนสั้นลง.

ที่มา : NBT CONNECT


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar