+  ภาคใต้ตอนกลางถึงตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง และปริมาณฝนจะเริ่มลดลงในวันที่ 2 ธ.ค.64 เนื่องจากร่องมรสุมจะเคลื่อนลงไปพาดผ่านประเทศมาเลเซีย
+   ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ชุมพร (516 มม.) จ.สุราษฎร์ธานี (148 มม.) และ จ.ระนอง (90 มม.) 
+ พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม ในช่วง 1-2 วันนี้ บริเวณ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
+ สถานการณ์น้ำหลาก บริเวณ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ สงขลา และพัทลุง
+ ปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 39,129 ล้าน ลบ.ม. (68%) ขนาดใหญ่ 31,541 ล้าน ลบ.ม. (66%) เฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 5 แห่ง (เขื่อนแม่กวงฯ แม่งัด ภูมิพล แม่จาง และสิริกิติ์)
+ คุณภาพน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง บางปะกง ค่าความเค็มและปริมาณออกซิเจนละลายน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 
+  ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ติดตามสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้
ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ ได้มีการชี้เป้า เฝ้าระวัง และติดตามหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมภาคใต้ตอนกลางและกำลังเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่าน ทำให้ในพื้นที่ภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ จึงต้อง
เฝ้าระวังเป็นพิเศษ และได้เน้นย้ำกับทาง ปภ. ให้วางแผนเตรียมการรับมือและเร่งการระบายน้ำ ในช่วงระหว่างวันที่ 30 พ.ย. 64 - 1 ธ.ค. 64 เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที และลดผลกระทบให้น้อยที่สุด ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการแจ้งให้อำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดังนี้
     1.ประกาศเตือนภัยขั้นสูงสุด ปฏิบัติการตามแผนเผชิญเหตุ และเตรียมอพยพช่วยเหลือประชาชนและทรัพย์สินให้เร็วที่สุด และให้แจ้ง อปท.
ในพื้นที่ถือปฏิบัติด้วย
     2.อำเภอชายทะเลทั้งหมดห้ามเรือในพื้นที่ทุกประเภทออกจากฝั่ง และแจ้งเตือนเรือที่อยู่ระหว่างเดินทะเลเร่งเข้าฝั่งหรือหาที่จอดหลบฝนและคลื่นลมให้ปลอดภัยทันที่
    3.จัดชุดเคลื่อนที่เร็วออกประชาสัมพันธ์ประสานการปฏิบัติกับหน่วยต่างๆเพื่อช่วยเหลือประชาชนทันที
    4.ให้องค์กรปกครองท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่มีศักยภาพเตรียมช่วยเหลือดูแลเพื่อการยังชีพของประชาชนในระยะนี้ทันที