นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่าการขยายเพดานหนี้สาธารณะ เป็นการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาลในกรณีที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการคลัง ในการแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ต่อเนื่องมายังปี 2564 รัฐบาลได้ใช้จ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาส่วนหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม การจะกู้หรือไม่กู้เพิ่มเติม ก็จะพิจารณาตามความจำเป็นและแผนงานที่ชัดเจน กู้เท่าที่จำเป็นไม่ได้กู้ครั้งเดียวเต็มพิกัด และตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2560 ก็เป็นการปรับทุกๆ 3 ปี ตาม พ.ร.บ. สำหรับแผนการหารายได้เพื่อชำระหนี้นั้นรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการเร่งรัดหารายได้ใหม่ๆ ตามแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ เช่น BCG การลงทุนในอีอีซี การเสริมสร้างมูลค่าการส่งออกซึ่งจะช่วยจีดีพีและรายได้ของรัฐ
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับการการลงพื้นที่ ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั้น ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน ขออย่าสร้างประเด็นความขัดแย้ง เพราะการลงพื้นที่นั้นนายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังคณะรัฐมนตรีให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนลงพื้นที่หากไม่ติดราชการสำคัญ เพื่อไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและเตรียมการแก้ไขปัญหาอุทกภัยไว้ล่วงหน้า
ส่วนปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐและการชุมนุมทางการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรี ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยในการแก้ปัญหาและขอขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการทุกกระทรวง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หน่วยงานความมั่นคงและประชาชนทุกคนที่เข้าใจ ร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมาย โดยรู้สึกเห็นใจผู้ที่เดือดร้อนจากการชุมนุม ซึ่งมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลตามกฏหมายและสังคมต้องช่วยกันดูแล เพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น
นายธนกร ยังกล่าวถึงการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่า นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นไปตามปกติ ไม่ได้มีการปรับลดแต่อย่างใดและอาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งได้มอบนโยบายไปว่าให้รักษาสิทธิ์ของผู้ได้รับสิทธิ์เดิมไปจนเสียชีวิต และขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขณะเดียวกันได้รับรายงานว่าคณะอนุกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติพิจารณาข้อเสนอทางเลือก ส่งคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติและต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา นายกรัฐมนตรี ยืนยันพร้อมรับฟังหากมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจะส่งให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ไปพิจารณา
ที่มา : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย