+ ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง  ภาคใต้ฝนตกหนักมากบางพื้นที่
+ พายุไซโคลนกำลังแรง “อัสนี” บริเวณชายฝั่งประเทศอินเดียตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศอินเดียตอนกลางในช่วงวันที่ 11-12 พ.ค. 65 และจะมีกำลังอ่อนลงตามลำดับ แต่จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย
+ ปริมาณฝน 24 ชั่วโมง สูงสุดที่ จ.อุตรดิตถ์ (122) จ.สงขลา ( 107) และ จ.อุบลราชธานี (81)
+ แม่น้ำสายหลัก น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนแม่น้ำโขง น้ำน้อยถึงปกติ มีลดลง 
+ ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 45,799 ล้าน ลบ.ม. (56%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 39,997 ล้าน ลบ.ม. (56%) เฝ้าระวังน้ำน้อย จำนวน 4 แห่ง บริเวณภาคเหนือ (3 แห่ง) ภาคตะวันตก (1 แห่ง) 
+ กอนช. ประกาศฉบับที่ 12/2565 เรื่องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน
 ในช่วงวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2565 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับพายุไซโคลนกำลังแรง “อัสนี” บริเวณชายฝั่งประเทศอินเดียตอนกลางพายุนี้จะส่งผลให้ลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคใต้
 กอนช. จึงขอให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย บริเวณ ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก นครสวรรค์ และอุทัยธานี ภาคใต้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ในช่วงวันที่ 10-17 พฤษภาคม 2565
 ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง เตรียมแผนเผชิญเหตุรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์
+ กอนช. ติตตามการแก้ไขปัญหาน้ำล้นตลิ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช 
จากอิทธิพลของพายุไซโคลน “อัสนี” บริเวณอ่าวเบงกอล ส่งผลให้มีน้ำล้นตลิ่งจากคลองบางกลม ซึ่งเป็นคลองสาขาของแม่น้ำปากพนัง เข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตรบริเวณพื้นที่ ต.ชะอวด อ.ชะอวด ระดับน้ำสูงประมาณ 15-20 ซม. และจะไหลลงสู่แม่น้ำปากพนังต่อไป กรมชลประทานได้เปิดประตูระบายน้ำ (ปตร.) อุทกวิภาชประสิทธิ 
ปตร.ชะอวด-แพรกเมือง ปตร.ฉุกเฉิน ปตร.บางจาก ปตร.เปี๊ยะ 
ปตร.บางลึก ปตร.สุขุม และ ปตร.ท่าพญา เพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำปากพนัง ลงสู่ออกสู่ทะเลอ่าวไทยให้เร็วที่สุด
และโครงการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) 
ในการตรวจราชการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด